วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

อนาคตอุบลราชธานีในศตวรรษที่ 3

อนาคตอุบลราชธานีในศตวรรษที่ 3
(ปัจจุบัน- พ.ศ.2635)
จังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่มีความพิเศษในหลายๆ ด้าน  กล่าวคือ
เป็นจังหวัดที่พระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม 
เป็นจังหวัดชายแดนที่มีพื้นที่ติดต่อกับต่างประเทศ 2 ประเทศ คือ สปป.ลาว และ กัมพูชา  
เป็นจังหวัดที่มีแม่น้ำ 3 สายไหลผ่าน คือ แม่น้ำชี แม่น้ำมูล และ แม่น้ำโขง
เป็นจังหวัดที่มีพระอริยสงฆ์จำนวนมาก เช่น  พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันทโท)
หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ชา สุภัทโท เป็นต้น
เป็นจังหวัดที่มีคำว่า “ราชธานี” แห่งเดียวในประเทศไทย
เป็นจังหวัดที่มี ...

จากข้อมูลการสำมะโนประชากรเมื่อ พ.ศ. 2553 จังหวัดอุบลราชธานี มีจำนวนประชากร 1,746,793 [1] โดยที่ในปี พ.ศ.2555 เป็นปีเนื่องในโอกาส 220 ปีแห่งการสถาปนาจังหวัดอุบลราชธานีได้มีการจัดทำ โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการอนาคต ... อุบลราชธานี[2]  และจัดทำเอกสารหนังสือ “อุบลศึกษา” [3] เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานีตามช่วงระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559) อย่างไรก็ตาม การพัฒนาอุบลราชธานีในระยะเวลาศตวรรษที่ 3 (ปัจจุบัน-พ.ศ.2635) จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์จำนวนประชากรของอุบลราชธานี ซึ่งแนวโน้มจะมีผู้สูงอายุจำนวนเพิ่มมากขึ้นโดยอาจจะมีผู้สูงอายุถึง 1 ใน 4 ของประชากร [4] ดังนั้น เนื่องด้วยเทคโนโลยีด้านต่างๆ ที่ มีความเจริญก้าวหน้าควบคู่ไปพร้อมกันกับคุณภาพชีวิตอาจจะเป็นไปได้ที่จำนวนประชากรของจังหวัดอุบลราชธานีในช่วงศตวรรษที่ 3 จะมีจำนวนถึง 2 ล้านคน  เมื่อจำนวนประชากรเพิ่มจำนวนสูงขึ้นสิ่งที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันตามมา คือ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติจะหมดสิ้นไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง ในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ และผลจากการดำรงชีวิตการประกอบอาชีพของมนุษย์สร้างมลภาวะเพิ่มขึ้น เช่น เพิ่มปริมาณขยะ สร้างมลพิษทางอากาศ  มลพิษทางน้ำ  มลพิษทางดิน  มลพิษของเสีย และภาวะโลกร้อน [5] จากปัญหาดังกล่าวข้างต้นทุกสรรพสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นแค่ดิน น้ำ ลม และไฟ มาประชุมรวมกันชั่วคราวตามเหตุตามปัจจัย [6] ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็หลีกหนีทั้ง 4 อย่าง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ กันไม่พ้น เช่นเดียวกันกับเรื่องของอนาคตอุบลราชธานีในศตวรรษที่ 3 ย่อมจะหลีกหนีไม่พ้นอันเกี่ยวกับเรื่องของ ดิน น้ำ ลม ไฟ อย่างแน่นอน หากว่าพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคตต่างมีปัญหาเกี่ยวกับดินน้ำลมไฟแทบทั้งสิ้น โดยที่ปัญหาดังกล่าวอาจจะถูกเรียกว่า Earth Crisis, Water Crisis, Wind Crisis และ Fire Crisis ตามลำดับ [7] [8] [9]  ซึ่งแน่นอนในระยะเวลาอันใกล้ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559) [10] ได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศไว้เช่นกันแต่อาจจะไม่ครอบคลุมปัญหาเกี่ยวกับดิน น้ำ ลม ไฟ นอกจากนั้น แผนพัฒนาฯ ดังกล่าวเป็นเพียงระยะเวลาถึงปี พ.ศ.2559 เท่านั้น ด้วยเหตุดังกล่าว การพัฒนาอุบลราชธานีในศตวรรษที่ 3 จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมองปัญหาของ ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้ครบทุกด้านและให้ความสัมพันธ์ในทุกมิติ โดยในเบื้องต้นวิกฤตผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 3 ของอุบลราชธานี ตามรูปภาพที่ 1

รูปภาพที่ 1 แสดงวิกฤตที่เกี่ยวข้องกับจำนวนประชากรล้วนสัมพันธ์กับ ดิน น้ำ ลม ไฟ

จากรูปภาพที่ 1 เมื่อจำนวนประชากรของจังหวัดอุบลราชธานีมีจำนวนมากสูงขึ้น (อันรวมถึงจำนวนประชากรแฝงซึ่งประกอบด้วยจำนวนนักศึกษาระดับอุดมศึกษา จำนวนแรงงานเนื่องจากการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน) ปัญหาด้านปริมาณขยะที่มีมากขึ้น ปัญหามลพิษทางดินและของเสีย นำไปสู่ “Earth Crisis” ปัญหาด้านมลพิษทางน้ำ นำไปสู่ “Water Crisis” ปัญหามลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำ  ภาวะโลกร้อน นำไปสู่ “ Energy Crisis[11] และ ปัญหามลพิษทางดินและมลพิษทางน้ำ คือ “Food Crisis” ตามลำดับ  ซึ่งวิกฤติด้านดิน อาหาร น้ำ และ พลังงาน ต่างส่งผลสัมพันธ์ต่อ “ปัญหาสิ่งแวดล้อม (Environment Problems)” ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งในศตวรรษที่ 3 อุบลราชธานีจะต้องตระหนักและจัดหาตัวแบบ (Model) สำหรับจัดการปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อให้เกิดความสมดุล (Balance) อย่างยั่งยืน เพื่อจะทำให้เกิดความสุขต่อทุกๆ สิ่งไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ พืชและอื่นๆ ในระบบนิเวศน์ของจังหวัดอุบลราชธานี  โดยตัวแบบดังกล่าว คือ “ตัวแบบสีเขียวสำหรับอุบราชธานี” (GREEN model for UBON)  ซึ่งตัวแบบดังกล่าว คือ “GREEN
เมื่อ
G = Good ใน 3 ธ.  อุบลราชธานีจะต้องทำให้ดีในเรื่อง ธรรมะ (เนื่องจากจังหวัดอุบลราชธานีเป็นเมืองแห่งธรรมะที่มีบูรพาจารย์พระอริยสงฆ์จำนวนมาก เช่น  พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันทโท) หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต  หลวงปู่ชา สุภัทโท เป็นต้น)  ธรรมชาติ (เนื่องจากจังหวัดอุบลราชธานีเป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก เช่น อุทยานผาแต้ม อุทยานผาชัน น้ำตกแสงจันทร์ เป็นต้น ) โดยเน้นเรื่อง ธรรมดา  ที่ให้สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
R = Recycle จังหวัดอุบลราชธานีจะต้องให้ความสำคัญของการนำวัสดุสิ่งของที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์
E = Energy จังหวัดอุบลราชธานีจะต้องใส่ใจเรื่องของพลังงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานทางเลือกไม่ว่าจะมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ พืชพลังงาน เช่น มันสำปะหลัง ปาล์ม เป็นต้น หรือแม้กระทั่งพลังงานจากน้ำเนื่องจากจังหวัดอุบลราชธานีมีเขื่อนจำนวน 2 เขื่อน คือ เขื่อนสิรินธร และ เขื่อนปากมูล
E = Environment จังหวัดอุบลราชธานีจะต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมเนื่องจากเมื่อจำนวนประชากรมีมากขึ้นย่อมกระทบต่อปัญหามูลพิษด้านต่างๆ เช่น ขยะ น้ำเสีย อากาศ อันจะส่งผลต่อปัญหาสุขภาพของประชาชน
N = Natural จังหวัดอุบลราชธานีจะต้องดูแลธรรมชาติให้เป็นแบบ 3 ส. คือ (1) สวยงาม (2) สดชื่น และ (3) สมบูรณ์  
ดังนั้น GREEN จะเป็นตัวแบบที่ “จะต้องดี (ในธรรมะ ธรรมชาติแบบธรรดา) มีการกลับมาใช้ของวัสดุต่างๆ เพื่อทำให้ก่อเกิดการได้มาซึ่งพลังงานหรือการใช้พลังงานทดแทนอันจะทำให้สิ่งแวดล้อมน่าอยู่และก่อประโยชน์ต่อธรรมชาติอย่างยิ่งยืน” ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่จังหวัดอุบลราชธานีควรจะต้องเตรียมการและดำเนินการเพิ่มสีเขียวให้ GREEN model นั่นก็คือ การใช้ต้นยางนา เนื่องจากต้นยางนาเป็นพันธุ์ไม้มงคลประจำจังหวัดอุบลราชธานี ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานกล้าไม้ยางนาให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นำไปปลูกเป็นสิริมงคล เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 [12]   ดังนั้น หากว่าโรงเรียนระดับประถมศึกษาในระดับประถมและมัธยมศึกษาของจังหวัดอุบลราชธานีจำนวน 1,288  แห่ง  หน่วยงานเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กว่า 238 แห่ง [13] ร่วมมือร่วมใจปลูกต้นยางนาให้มีจำนวนมากยิ่งขึ้นให้ได้จำนวนอย่างน้อย 800,000 ต้นหรือมากกว่า ภายในปี พ.ศ.2635 จะทำให้จังหวัดอุบลราชธานีมีพื้นที่สีเขียวจำนวนมากขึ้น อันจะส่งผลทำให้ E = Environment สิ่งแวดล้อมดียิ่งขึ้น และทำให้ N = Natural ดียิ่งขึ้นตามไปด้วย อันส่งผลต่อ GREEN model อีกทั้งเป็นการน้อมนำทำตามที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานไว้
ดังนั้น เพื่อให้การพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานีในศตวรรษที่ 3 โดยใช้ GREEN model มีความสมบูรณ์ครบถ้วนในทุกด้านทุกมิติจะต้องมีความสมดุล “BALANCE” ใน 3 ธ. ธรรมะ ธรรมชาติ ธรรมดา (ความธรรมดาที่เป็นความพอเพียงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ)  อันมีความสัมพันธ์กับด้านอาหาร น้ำ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาด้านการเกษตร ด้านการท่องเที่ยว ด้านคุณภาพชีวิตสุขภาพ (ด้านสาธารณสุข ด้านการอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น การคมนาคม)  โดยมีเป้าหมายพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานีในศตวรรษที่ 3 ไปสู่การเป็น “มหานครการท่องเที่ยวแห่งอาเซียน” ซึ่งประกอบด้วย 4 นคร กล่าวคือ นครแห่งธรรม นครแห่งเทียน นครแห่งการพัฒนา และ นครแห่งความฮักแพง โดยการพัฒนาในทุกๆ ด้านที่เกี่ยวข้องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยการศึกษาในทุกระดับโดยใช้ “UBON EDUCATION” ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ในศตวรรษที่ 3 ของอุบลราชธานีอาจจะเกิด “สภาการศึกษาอุบลราชธานี” [14]  ซึ่งความสัมพันธ์ของการเป็น “มหานครการท่องเที่ยวแห่งอาเซียน” ถูกแสดงตามรูปภาพที่ 2 ดังนี้
รูปภาพที่ 2 การพัฒนาอุบลราชธานีในศตวรรษที่ 3 “มหานครการท่องเที่ยวแห่งอาเซียน”

สรุป อนาคตอุบลราชธานีในศตวรรษที่ 3 (ปัจจุบัน- พ.ศ.2635) ซึ่งจะมีความเจริญความก้าวหน้าในทุกๆ ด้าน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่ออุบลราชธานีมีจุดเด่นในด้านการเป็นจังหวัดชายแดนที่มีพื้นที่ติดต่อกับต่างประเทศ 2 ประเทศ คือ สปป.ลาว และ กัมพูชา อันสามารถเชื่อมต่อกับประเทศอาเซียนและประเทศในบริเวณทะเลจีนใต้ทั้งจีน เกาหลี และญี่ปุ่น  มีแหล่งธรรมชาติที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม มีประเพณีอันดีงดงาม  มีแม่น้ำ 3 สายไหลผ่าน คือ แม่น้ำชี แม่น้ำมูล และ แม่น้ำโขงมล มีสถานที่แหล่งธรรมะของพระอริยสงฆ์  ดังนั้น การเป็นเมือง “มหานครการท่องเที่ยวแห่งอาเซียน” ในศตวรรษที่ 3 เป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่ง  โดยการพัฒนาอุบลราชธานีให้เป็นมหานครการท่องเที่ยวแห่งอาเซียนเริ่มจากการมองปัญหาเรื่องดิน น้ำ ลม ไฟ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วนำ  GREEN model มาใช้ในการพัฒนา UBON (U= Unity สามัคคี นครแห่งความฮักแพง, B = Beauty สวยงาม นครแห่งเทียน, O = Optimal เหมาะสมที่สุด นครแห่งการพัฒนา, N = Normal ธรรมดา  นครแห่งธรรม) ให้เกิด BALANCE (B = Best  เป็นสิ่งดีที่สุดเพื่ออุบลราชธานี, A = Acknowledge   เป็นที่ยอมรับของอุบลราชธานี, L = Link  เป็นที่ชื่นชอบของอุบลราชธานี, A = Advantage เป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์ต่ออุบลราชธานี, N = Need  เป็นสิ่งที่ต้องการจำเป็นของอุบลราชธานี, C = Center  เป็นสิ่งศูนย์กลางของอุบลราชธานี, E = Excellence เป็นเลิศเพื่ออุบลราชธานี) อย่างยั่งยืน (ตามรูปภาพที่ 3) การใช้ GREEN model ดังกล่าวจะทำให้อุบลราชธานีเป็น “มหานครการท่องเที่ยวแห่งอาเซียน” ในแบบฉบับของราชธานีหนึ่งเดียวที่มีความภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เน้น 3 ธ. และ 4 นคร โดยมีการบริหารจัดการที่ดีด้านอาหาร น้ำ พลังงาน สิ่งแวดล้อม ที่มีสัมพันธ์กับการพัฒนาด้านการเกษตร ด้านการท่องเที่ยว ด้านคุณภาพสุขภาพชีวิต ด้านการคมนาคมสัญจร (ทั้งทางบกที่มีถนนหนทางที่รองรับการเชื่อมต่อในพื้นที่ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งทางอากาศที่มีสนามบินนานาชาติรองรับการให้บริการทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ) โดยอาศัยระบบการพัฒนาการศึกษาในทุกระดับเพื่อทำให้เกิดความสมดุลมีความสุขอย่างยั่งยืน ภายใต้เงื่อนไขความร่วมมือร่วมใจสามัคคีของคนอุบลราชธานีทุกภาคส่วน
รูปภาพที่ 3 การใช้ GREEN model ในการพัฒนา UBON ให้เกิด BALANCE อย่างยั่งยืน

ผศ.ดร.มณูญพงศ์ ศรีวิรัตน์
อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
อดีตรองอธิการบดี ม.อุบลฯ (พ.ศ.2545-2555)
กรรมการสภาวิชาการ (ผู้ทรงคุณวุฒิ) มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี (พ.ศ.2557-ปัจจุบัน)
ผู้เขียน
3 มิถุนายน 2557

เอกสารอ้างอิง
[1] การสำมะโนประชากรประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2553.  เข้าถึงได้ที่
                URL;  http://webhost.nso.go.th/nso/project/search_cen/result_by_department.jsp
URL;  http://ubumanoon.blogspot.com/2012/06/blog-post.html
[3]  เอกสารหนังสือ “อุบลศึกษา”  เข้าถึงได้ที่
URL;  http://manoonpong.blogspot.com/2014/06/blog-post.html
[4]  สรุปสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มด้านประชากร. เข้าถึงได้ที่
URL;  http://www.hitap.net/healthyresearch/downloads/Handouts%20factors/Hpopulation.pdf 
[5] ประชากรกับการใช้ทรัพยากร การเพิ่ม และการกระจายของประชากร. เข้าถึงได้ที่
URL;  http://life.cpru.ac.th/E%20leaning/07%20Humans%20and%20the%20environment/-%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%883.doc-.htm
[6] อานิสงค์ ของการสร้างบุญบารมี ( ทาน, ศีล, ภาวนา )โดย สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา สังฆปริณายกเข้าถึงได้ที่ URL;  http://www.kanlayanatam.com/sara/sara68.htm
[7] Global water crisis and future food security in an era of climate change. เข้าถึงได้ที่
[8] Global Trends 2030: Alternative Worlds. เข้าถึงได้ที่
[9] THE ENVIRONMENTAL FOOD CRISIS. เข้าถึงได้ที่
[10] แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 11. เข้าถึงได้ที่
[11] Global Change and the Energy Crisis. เข้าถึงได้ที่
[12] ต้นไม้ประจำจังหวัด. เข้าถึงได้ที่ URL; http://www4.eduzones.com/tee18592/8065
[13] ข้อมูลจำนวนโรงเรียนในจังหวัดอุบลราชธานี สำนักสถิติอุบลราชธานี. เข้าถึงได้ที่
URL; http://123.242.156.42/ubon/component/viewpage.php?id=81&section_id=3&catagory_id=1
[14] สภาการศึกษาอุบลราชธานี. เข้าถึงได้ที่ URL; http://ubumanoon.blogspot.com/2013/07/blog-post.html

อนาคตอุบลราชธานีในศตวรรษที่ 3
(ปัจจุบัน- พ.ศ.2635)
ศตวรรษที่สาม ต้องติดตามเมืองอุบลฯ
อุบลฯ ทุกผู้คน จะต้องสนสร้างแปงเมือง

เรื่องดินน้ำลมไฟ ต้องใส่ใจให้ปราดเปรื่อง
สีเขียวป่ารุ่งเรือง ให้ลือเลื่องท่องเที่ยวไทย

นครแห่งอาเซียน ต้องพากเพียรคิดการใหญ่
3 ธ. ต้องก้าวไป เป็นหัวใจ 4 นคร

ทุกอย่างต้องสมดุล พร้อมเกื้อหนุนไม่หยุดหย่อน
ร่วมสร้างอย่าตัดรอน เป็นนครท่องเที่ยวเอย

มณูญพงศ์ ศรีวิรัตน์
๓ มิถุนายน ๒๕๕๗


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น