วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ศิลปวัฒนธรรมเมืองนักปราชญ์ราชธานี

ชื่อเรื่องวันนี้หลายท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมถึงเป็น "ศิลปวัฒนธรรมเมืองนักปราชญ์ราชธานี" ซึ่งผู้เขียนก็ไม่ได้เป็นผู้เ่ชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรม และไม่ใช่นักปราชญ์  แล้วก็ไม่ใช่คนเมืองราชธานี อย่างไรก็ดี ผู้เขียนคิดว่าจะเขียนเรื่องดังกล่าวเป็นโครงการเพื่ออาจจะเป็นประโยชน์ต่อเมืองอุบลราชธานีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปรับใช้เพื่อให้เป็นรูปธรรม โดยมีรายละเอียดตามข้างล่างต่อไปนี้ ครับ 

หลักการและเหตุผล
ตามที่ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการทำความดี ด้านการเรียนรู้เพื่อประกอบอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกอบอาชีพในพื้นที่ชายแดน ดังนี้ “...เมืองไทยเดี๋ยวนี้ประชาชนมากเหลือเกิน ๖๕ ล้าน แล้วก็รอบๆ ตามชายแดนก็ยังมีคนที่ยากจนมาก จึงคิดว่าต้องพยายามหาอาชีพให้เขาทำ ให้ทุกคนมีงานทำ โดยเสริมสร้างให้เขามีความรู้ความชำนาญการทำศิลปะหลายอย่างที่กำลังจะสูญหายไปจากประเทศไทย...(พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๐)   และนโยบายของรัฐบาลที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันอังคารที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ ข้อ . นโยบายศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม .. อนุรักษ์ ทำนุบำรุง และบูรณปฏิสังขรณ์แหล่งศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม โบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่เป็นเอกลักษณ์และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ รวมถึงอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปะการแสดง   และ ข้อ ข้อ ๖. นโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม ๖.๑ เร่งพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นสังคมที่อยู่บนพื้นฐานขององค์ความรู้ โดยพัฒนาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ให้ประชาชนได้ใช้ในชีวิตประจำวันให้ทัดเทียมกับพัฒนาการในระดับนานาชาติ จัดให้มีแหล่งความรู้สาธารณะเพิ่มขึ้นทั้งในรูปองค์กร เช่น พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ สิ่งพิมพ์ และผ่านทางเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนยกมาตรฐานการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทุกระดับ
จะเห็นว่าศิลปะและวัฒนธรรม นั้น เป็นสิ่งสำคัญของประเทศชาติที่จะต้องร่วมกันอนุรักษ์ไว้ สำหรับจังหวัดอุบลราชธานีในด้านศิลปวัฒนธรรมนั้นจังหวัดอุบลราชธานีเป็นเมืองราชธานีที่มีประวัติอันยาวนานเกี่ยวข้องกับศิลปะมาตั้งแต่โบราณกาล ตามคำขวัญของจังหวัดที่ว่า "เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์" โดยที่ผาแต้มนั้นเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรมที่เป็นสมบัติอันล้ำค่าของประเทศไทย  นอกจากนั้น จังหวัดอุบลราชธานีได้กำหนดวิสัยทัศน์เพื่อพัฒนาจังหวัด คือ “ชุมชนเข้มแข็ง เมืองน่าอยู่ เป็นประตูการค้าและการท่องเที่ยว การเกษตรมีศักยภาพ” พร้อมทั้งกำหนดนโยบาย ๔ นคร ประกอบด้วย "นครแห่งธรรม นครแห่งเทียน นครแห่งการพัฒนา นครแห่งความฮักแพง" ซึ่งจะเห็นว่าวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ว่า “เมืองน่าอยู่” นั้น จะต้องประกอบด้วยด้านการพัฒนาศิลปวัฒนธรรม อันจะสอดคล้องกับนโยบาย ๔ นคร เช่นกัน  

เมื่อกล่าวถึงศิลปวัฒนธรรมนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเชื่อมโยงกับพื้นที่ต่างๆ ทั้งใกล้และไกลของจังหวัดอุบลราชธานี รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน โดยที่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ) ได้กำหนดวิสัยทัศน์ว่า "หุ้นส่วนเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านโดยที่หุ้นส่วนเศรษฐกิจหากมีการแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมระหว่างประเทศเพื่อนบ้านแล้ว จะเกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ เพื่อพร้อมที่เป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งในปีดังกล่าวอยู่ในช่วงระยะของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑  โดยเฉพาะอย่างยิ่งยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ที่จะเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับการเป็นประชาคมอาเซียนที่ประกอบด้วยเสาหลัก คือ (๑)ประชาคมความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Security Community–ASC) (๒) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community-AEC)  (๓) ประชาคมสังคม-วัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community-ASCC)   

ดังนั้น การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรมที่สามารถเชื่อมโยงกับการเป็นประชาคมอาเซียนในด้านสังคม-วัฒนธรรม ที่จังหวัดอุบลราชธานีมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจังหวัดอุบลราชธานีมีวิสัยทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ “เป็นประตูการค้า การท่องเที่ยว” และวิสัยทัศน์ของกลุ่มจังหวัดก็กำหนดให้เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ “หุ้นส่วนเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในฐานะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งร่วมกับกรมศิลปากร และกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี เบ็ญจะมะมหาราชสมาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี หอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เทศบาลนครอุบลราชธานี ภูมิพลังเมืองอุบลราชธานีและองค์กรพหุภาคี ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ การดำเนินการดูแลรักษาโบราณสถานอาคารราชพัสดุ (โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชเดิม)   ซึ่งอาคารดังกล่าวได้ถูกประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๕  จึงขอเสนอจัดให้มีการดำเนินโครงการ  “ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเมืองนักปราชญ์ราชธานี เฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา มหาราชินี โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช (หลังเดิม)  โดยการจัดทำโครงการดังกล่าวเป็นการน้อมนำพระราชดำรัสในสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา เป็นการดำเนินการตามวิสัยทัศน์ของจังหวัดอุบลราชธานีและกลุ่มจังหวัด เป็นการดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑  และยุทธศาสตร์การเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.๒๕๕๘

วัตถุประสงค์
๑.      เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ๘๐ พรรษา ในปี พ.ศ.๒๕๕๕
๒.      เพื่อเป็นการน้อมนำพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ในประเด็น “เสริมสร้างให้เขามีความรู้ความชำนาญการทำศิลปะหลายอย่างที่กำลังจะสูญหายไปจากประเทศไทย
๓.      เพื่อเป็นการศึกษาวิจัยศิลปวัฒนธรรมของเมืองนักปราชญ์ราชธานี
๔.      เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมให้กับนักเรียนประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษาในรูปแบบสื่อดิจิตอล
๕.      เพื่อเป็นแหล่งเชื่อมโยงส่งเสริมอาชีพด้านศิลปวัฒนธรรมนำสู่การพัฒนาสินค้า OTOP สำหรับประชาคมอาเซียน
๖.      เพื่อพัฒนาอาคารเก่าโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช เป็นศูนย์กลางในการสืบสานศิลปวัฒนธรรมเมืองนักปราชญ์ราชธานี
๗.      เพื่อพัฒนาอาคารดังกล่าวเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของการศึกษาจังหวัดอุบลราชธานีและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมจังหวัดอุบลราชธานีในรูปแบบที่ทันสมัย


ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
๑.      ทำให้ประชาชนจังหวัดอุบลราชธานีได้สำนักในพระมหากรุณาธิคุณและเฉลิมพระเกียรติในวโรกาส สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ๘๐ พรรษา ในปี พ.ศ.๒๕๕๕
๒.      ทำให้เกิดการเสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้ความชำนาญการทำศิลปะหลายอย่างที่กำลังจะสูญหายไปจากประเทศไทย”
๓.      ทำให้เกิดการศึกษาวิจัยศิลปวัฒนธรรมของเมืองนักปราชญ์ราชธานี
๔.      ทำให้มีแหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมให้กับนักเรียนประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษาในรูปแบบสื่อดิจิตอล
๕.      ทำให้มีแหล่งเชื่อมโยงส่งเสริมอาชีพด้านศิลปวัฒนธรรมนำสู่การพัฒนาสินค้า OTOP สำหรับประชาคมอาเซียน
๖.      ทำให้เกิดการพัฒนาอาคารเก่าโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช เป็นศูนย์กลางในการสืบสานศิลปวัฒนธรรมเมืองนักปราชญ์ราชธานี
๗.      ทำให้สามารถพัฒนาอาคารดังกล่าวเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของการศึกษาจังหวัดอุบลราชธานีและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมจังหวัดอุบลราชธานีในรูปแบบที่ทันสมัย

หน่วยงานที่รับผิดชอบ
๑.      จังหวัดอุบลราชธานี
๒.      มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
๓.      มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
๔.      องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี
๕.      เทศบาลนครอุบลราชธานี
๖.      สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุบลราชธานี
๗.      กรมศิลปากร
๘.      สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช และโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช
๙.      ส่วนราชการอื่นๆ
๑๐.  ภาคเอกชน ภาคประชาชน
หมายเหตุ
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เป็นหน่วยงานกลางในการประสานดำเนินการ และเป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินงาน


หมายเหตุ แหล่งเงินงบประมาณสนับสนุน
- สำนักงบประมาณ
- จังหวัดอุบลราชธานี
- องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี
- เทศบาลนครอุบลราชธานี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น