วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

Marketing 3.0 for education

ชื่อหัวข้อวันนี้หลายท่านคงจะสงสัยว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร แต่ที่แน่ๆ คือ น่าจะเกี่ยวข้องกับตลาดและการศึกษาอย่างแน่นอน สำหรับตลาดนั้น ทุกท่านคงจะทราบดีว่าเป็นสถานที่หลากหลายเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการอุปโภค บริโภค ผู้เขียนเองก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับตลาดตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 5 ซึ่งเป็นเพราะอาชีพของคุณพ่อคุณแม่ค้าขาย และคุณแม่ของผู้เขียนท่านเป็นผู้ที่ขยันเป็นอย่างมาก ความขยันดังกล่าวทำให้ผู้เขียนจะต้องตื่นแต่เช้าทุกวันประมาณตี 4 เพื่อตื่นขึ้นมาเตรียมของขายในตลาดสด โดยใช้เวลาพอประมาณเพราะจะต้องปั่นจักรยานจากบ้านแห่งหนึ่งไปที่ตลาดสดประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วทำการเก็บของขายออกมาวางเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นและเลือกสินค้าได้มากที่สุดและสะดุดตาไปด้วย ซึ่งจะได้เวลาดังกล่าวประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ต่อจากนั้นผู้เขียนก็จะต้องนั่งรอคุณแม่มาเปลี่ยนเพื่อจะได้กลับบ้านไปอาบน้ำไปโรงเรียน ทั้งนี้ หากเป็นวันจันทร์ถึงวันศุกร์คุณพ่อได้สั่งให้นั่งฟังรายการวิทยุ (สถานีวิทยุแห่งประเทศ  รายการข่าวหกโมงเช้า ปรีชา ทรัพย์โสภา) เวลาประมาณหกโมงเช้าซึ่งคุณปรีชาจะเกริ่นนำเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของวันนั้นๆ โดยที่คุณพ่อของผู้เขียนนอกจากสั่งให้ฟังแล้วยังสั่งให้จดพร้อมกันไปด้วย การที่คุณพ่อสั่งการดังกล่าวทำให้ผู้เขียนเข้าใจภายหลังว่าเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่คุณพ่อต้องการให้ผู้เขียนได้มีสมาธิในการฟังและจดเพื่อให้จำ (ทั้งที่คุณพ่อของผู้เขียนไม่เคยเรียนวิชากลยุทธ์ (Strategy) เลย)

กลับมาที่ตลาดอีกครั้งหนึ่ง ผู้เขียนทำอย่างข้างต้นเป็นเวลากว่า 4 ปี (ตั้งแต่ชั้น ป.5 ถึง ม.3) เพราะหลังจากนั้นจะต้องเข้าไปศึกษาต่อ ม.4 ยังโรงเรียนประจำจังหวัด สิ่งที่ได้จากตลาดแห่งนั้น คือ ความวุ่นวาย ความยุ่งเหยิง ความหลากหลาย และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้รู้ว่าทุกคนที่อยู่ในตลาดนั้น อยู่เพื่อความอยู่รอดทั้งผู้ชื้อและผู้ขาย ผู้ชื้อก็ต้องการชื้อของถูกๆ ผู้ขายก็ต้องการขายแพงๆ และในที่สุดก็จะต้องมีราคาที่ทั้งสองฝ่ายพอใจทั้งคู่

นั้นเป็นเรื่องของตลาด ที่นี้ Marketing 3.0 นั้น คืออะไร ผู้เขียนได้มีโอกาสอ่านหนังสือ การตลาด 3.0 : ยุคแห่งการมีส่วนร่วมและการตลาดความร่วมมือจากหนังสือ “Marketing 3.0” ของบรมครูอย่าง Philip Kotler ร่วมเขียนกับ Hermawan Kartayaja และ Iwan Setiawan (แต่เป็นการอ่านแบบผ่านๆ เพราะไม่ใช่หนังสือที่ได้ซื้อมาอ่านเอง) แต่สิ่งหนึ่งที่ได้รับรู้และทราบ (อาจจะไม่สมบูรณ์ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์) คือ การตลาดยุดใหม่ที่อาจจะเรียกว่ายุดที่ 3 นั้น มีการใช้สิ่งต่างๆ เข้ามาบูรณการกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ระบบอินเทอร์เน็ต Social Media เพื่อให้ผู้บริโภคไม่เพียงเป็นฝ่ายตั้งรับในการรับสื่อสารทางการตลาด แต่สามารถแสดงออกถึงความคิดเห็น (Two-Way Communication) ของตนเอง ดังนั้น จึงแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการเป็นผู้ขายที่ประสบความสำเร็จสูงสุดนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจ Marketing 3.0

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เขียนแล้วคิดว่าประยุกต์ใช้ Marketing 3.0 for Education หรือ การตลาดยุคที่ 3 สำหรับการศึกษานั้น น่าจะสามารถกระทำได้ เพียงแต่สถาบันศึกษาระดับต่างๆ จะเข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้ในด้านใดบ้าง เนื่องจากในสถานการณ์ของโลกในปัจจุบันและอนาคตนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก การตลาดยุคที่ 3 สำหรับการศึกษา อันดับแรกสำหรับความคิดของผู้เขียนนั้น อาจารย์ผู้สอนควรจะต้องเข้าใจบริบทของการเปลี่ยนแปลงของการเรียนการสอนพฤติกรรมการเรียนของนักศึกษาว่าเขาต้องการอย่างไร นักศึกษาต้องการเรียนรู้แบบไหน นักศึกษาต้องการที่ให้อาจารย์สอนอย่างไร และที่สำคัญ การเรียนการสอนมีพื้นที่ที่จะให้นักเรียนนักศึกษาได้แสดงออกถึงความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ทั้งการเรียนการสอน การมีส่วนร่วมกิจกรรมต่างๆ และอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ในวิชาสาขาต่างๆ

นอกจากนั้น ผู้เขียนคิดว่าหากสถาบันเข้าใจ Marketing 3.0 เป็นอย่างดีสามารถที่จะประยุกต์ใช้ในการประชาสัมพันธ์สถาบัน (ตัวสินค้าที่จะให้ผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษา จะได้ตัดสินใจว่าสถาบันนั้น สถาบันนี้ น่าจะเข้าศึกษาหรือไม่อย่างไร) Marketing 3.0 for Education จะเป็นสิ่งที่ทรงพลังในการพลิกโฉมวงการศึกษาเป็นอย่างมาก นักเรียน นักศึกษา สามารถที่เรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สถาบันการศึกษาสามารถที่ประสบความสำเร็จในการเป็นแห่งการเรียนรู้ที่มีคุณค่า ทำให้ประเทศไทยของเราสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างภูมิใจ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นที่อาจจะผิดหรือจะถูก ผู้เขียนก็ไม่ได้เป็นผู้รู้เกี่ยวกับ Marketing 3.0 อย่างมากมาย แต่คิดว่าน่าสนใจสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันที่วงการศึกษาน่าจะลองให้ความสำคัญ

สุดท้ายท้ายสุด ผู้เขียนขอกราบอภัยหากสิ่งที่ได้นำเสนอความคิดเห็นข้างต้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผู้เขียนพร้อมรับและขอรับการชี้แนะโดยถือเสียว่าเราก็เริ่มเข้าสู่ Marketing 3.0 คือ การแสดงออกความคิดเห็น (Two-Way Communication)

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

ภาระหน้าที่ในตำแหน่งรองอธิการบดี ม.อุบลฯ

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2555 เวลา 13.00 น. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้จัดโครงการ "ผู้บริหารพบปะประชาคมมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ณ อาคารเทพรัตนสิริปภา  ผู้เขียนในฐานะรองอธิการบดีฝ่ายบริหารและชุมชนสัมพันธ์  และรักษาราชการแทนรองอธิการบดีวิทยาเขตมุกดาหาร โดยได้รับมอบหมายจากท่านอธิการบดีให้นำเสนอ 

1. ประเด็นด้านการสื่อสารภายในและภายนอกเพื่อการประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัย
2.  ประเด็นการบริหารจัดการวิทยาเขตมุกดาหาร

แต่เนื่องจากเวลาค่อนข้างจะจำกัด ทำให้ไม่สามารถได้นำเสนออย่างเต็มที่ ดังนั้น จึงขออนุญาตนำเสนอเป็นเอกสาร Power Point ดังนี้ 

ประการแรกคือการสื่่อสารภายในองค์กรนั้น เราควรจะใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มหาวิทยาลัยมีอยู่ เช่น ระบบ E-mail อันจะทำให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยได้รับข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและตรวจสอบได้ว่ามาจากแหล่งใดเพื่อจะได้รับทราบข้่อมูลด้านต่างๆ ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี  ดังนั้น  ubu_all เป็น  บัญชีรวมของรายชื่อผู้ใช้ E-mail ทั้งหมดของมหาวิทยาลัย

ประการต่อมา คือ ระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ทำให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี สามารถรับรู้รับทราบข้อมูลข่าวสารของการประชุมคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย ซึ่งจะมีผลต่อการนำมติไปปฏิบัติใช้งานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ 


นอกจากนั้น ระบบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ทำให้บุคลากรของมหาวิทยาัลัยอุบลราชธารนีได้รับทราบหนังสือเวียนต่างๆ ประกาศต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงหรือติดตามงานด้านต่างๆ 


ในปัจจุบันระบบ Social Networks และ Social Media มีประโยชน์อย่างมากในการติดต่อสื่อสารกัน ดังนั้น หากเรานำมาประยุกต์ใช้ในการประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาล

ตัวอย่างเช่น Facebook ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ที่จะนำเสนอกิจกรรมด้านต่างๆ ของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 

Facebook ของกลุ่ม UBU Alumni สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 


Facebook ของกลุ่ม เรารัก ม.อุบลฯ 


อีกทั้ง สามารถที่แชร์ข่าวต่างๆ ของมหาวิทยาัลัยอุบลราชธานีไปยังเพื่อน Facebook เพื่อการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมของมหาวิทยาลัีย เช่น สำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 2 อุบลราชธานี เป็นต้น 

กิจกรรมมหาวิทยาัลัยอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2554

มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีร่วมรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ (ช่อง 3) จัดที่ริมแม่น้ำมูล จังหวัดอุบลราชธานี


นอกจากการสื่อสารผ่านระบบ Social Media แล้วมหาวิทยาลัยสามารถสื่อสารกับบุคลากร นักศึกษาและประชาชน โดยผ่านวิทยุคลื่น 91.75 MHz 





มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี วิทยาเขตมุกดาหาร ได้รับพื้นที่ที่เป็น ราชพัสดุ ณ บริเวณ ภูผาเจีย ซึ่งเป็นพื้นที่ก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา มหาราชา โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินฯ ทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2552


มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี วิทยาเขตมุกดาหาร มีความร่วมมือกับต่างประเทศไม่่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และจีน  เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาสำหรับการรองรับการเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 




ขณะเดียวกันในเรื่องคุณภาพการศึกษาสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้แต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตรวจประเมินการจัดการศึกษานอกที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ณ จังหวัดมุกดาหาร  (โดยสามารถดูผลสรุปการตรวจประเมินได้ที่นี้)


















นางบุญรื่น ศรีธเรศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงระหว่างจังหวัดมุกดาหารและมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี วิทยาเขตมุกดาหาร พร้อมกับบรรยายพิเศษ เรื่อง “การเตรียมความพร้อมด้านการศึกษากับการเป็นประชาคมอาเซียน”  







วันที่ 6 ธันวาคม 2554 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและแนวทางการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐโดยการหลอมรวม ยุบรวม สถาบันอุดมศึกษา โดยในร่างดังกล่าวข้อ 2.5



ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของจังหวัดมุกดาหาร เมืองการศึกษา การค้า การท่องเที่ยว วัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง เชื่อมโยงอาเซียน ตามแผนแผนปฏิบัติราชการจังหวัดมุกดาหาร พศ. 2556-2560 (อ้างอิง