รูปภาพข้างบน เป็น หนองอีเจม ของ ม.อุบลฯ บันทึกไว้ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 เวลาประมาณ 7.00 น. จะเห็นว่าน้ำที่เคยมีจำนวนมากได้แห้งหายไป จนสามารถมองเห็นผืนดินที่เป็นส่วนที่ต่ำที่สุดของหนองอีเจม หนองอีเจมเป็นหนองน้ำที่มีมาจากธรรมชาติ ได้ถูกขุดลอกครั้งล่าสุดเพื่อให้มีปริมาณน้ำที่มากขึ้นเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมาโดยใช้งบประมาณแผ่นดินในการดำเนินการ ในครั้งนั้นเราเชื่อว่าจะสามารถรองรับน้ำได้ตลอดฤดูแล้ง แต่อย่างไรก็ดี สำหรับปีนี้ 2553 เกิดสถานการณ์ที่มีความแห้งแล้งทั่วประเทศไม่ว่าเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ต่างๆ ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่างก็ประสบปัญหาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในมหาวิทยาลัยก็ได้ช่วยกันคนละไม้คนละมือจะทำให้มีน้ำในหนองอีเจมให้มีจำนวนมากเพื่อเพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาเพื่อใช้ในมหาวิทยาลัย แต่อย่างว่านะครับ เพราะฟ้าฝนไม่เป็นใจ กลางวันแดดก็ร้อนมากๆ ฝนก็ไม่ตก ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว หากจะทำให้หนองอีเจมมีปัญหาอย่างแน่นอน แล้วคำถามคือ แล้วเราจะทำอย่างไรกัน ก็ได้แต่ภาวนาครับ เพราะเราคงจะไม่สามารถไปบังคับให้มีฝนตกลงมาได้
แต่สิ่งหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาได้ คือ เราทุกคนต้องช่วยกันประหยัดน้ำทุกหยด ต้องช่วยกันเห็นคุณค่าของการใช้น้ำ และที่สำคัญ คือ ถ้าหากเราทุกคนมีน้ำใจ ต่างฝ่ายต่างช่วยเหลือกัน มีน้ำใจในการประหยัดน้ำ มีน้ำใจในการบอกต่อๆ กันไปในเรื่องการใช้น้ำ รับรองได้ว่า เราทุกคนของ ม.อุบล คงจะมีน้ำไว้ใช้ อย่างน้อยที่สุด ก็คือ น้ำใจ
นายต้องการ
รูปภาพข้างล่างนี้ เป็นฝีมือของนักศึกษาเทคโนโลยีสารสนเทศ (คณะวิทยาศาสตร์ ม.อุบลฯ) ได้กรุณาส่งมาเพื่อช่วยกันอนุรักษ์น้ำในหนองอีเจม
ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่อาจารย์เอามาฝากให้นักศึกษาได้ตระหนักถึงผลกระทบจากธรรมชาติที่ใกล้ตัวของนักศึกษา
ตอบลบเรื่องนี้ ทำให้ได้คิดว่า ธรรมชาติยิ่งใหญ่เสมอ ปัญหาการขาดแคลนนำจะยังคงมีอยู่ต่อไป หากเรายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความแล้งแห้งได้ น่าเป็นห่วงว่าในอนาคตข้างหน้า มหาวิทยาลัยจะหาแหล่งนําจากที่ใหนมาให้นักศึกษาใช้ เพื่อให้ทันต่อความต้องการใช้ซึ่งคาดว่าน่าจะสูงขึ้นอีกในอนาคต
ตอบลบเห็นภาพนี้แล้ว เราทุกคนคงต้องช่วยกันช่วยโลกของเราแล้วแหละค่ะ
ตอบลบ